4 วิธีรักษา “รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว”
สาว ๆ คงจะเคยประสบปัญหารอยแดง ๆ จุดดำ ๆ บางทีก็เป็นหลุม ๆ บนใบหน้าหลังจากที่สิวได้หายไปแล้วรึเปล่าคะ? นั่นคือ “รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว” ค่ะ ซึ่งรอยแผลเป็นหรือรอยสิวเหล่านั้นเป็นผลมาจากกระบวนการฟื้นฟูสภาพผิวด้วยการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ และรอยแผลเป็นเหล่านี้ยังสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท แต่ลักษณะรอยแผลเป็นที่พบบ่อย ได้แก่
- รอยหลุมสิวแบบ Icepick Scar เป็นรอยสิวแบบจุดหลุมลึก
- รอยหลุมสิวแบบ Boxcar Scar เป็นรอยหลุมกว้างขนาดใหญ่ และมีขอบหลุมชัดเจน
- รอยหลุมสิวแบบ Rolling Scar เป็นจุดหลุมบนผิวหนัง หรือหลุมสิวตื้น ๆ
วิธีรักษารอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว
เบื้องต้นเราก็ได้รู้แล้วว่ารอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวนั้นมีหน้าตาอย่างไรบ้าง ทีนี้เดอร์มาทิส คลินิก ก็ขอมาเสนอวิธีการรักษารอยแผลเป็นเหล่านั้นให้จางและหายไปค่ะ ลองมาดูกันดีกว่าว่าจะมีวิธีไหนบ้างค่าาาา
- การใช้ครีมบำรุงผิว
มาเริ่มกันกับวิธีที่ง่ายที่สุด ที่สาว ๆ น่าจะสามารถทำได้ นั่นก็คือ การใช้ครีมบำรุงผิวชนิดต่าง ๆ ที่มีส่วนผสมสำคัญของคอร์ติโซน (Cortisone) จะสามารถลดภาวะการอักเสบของผิวหนัง หรือครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารที่สามารถลบเลือนร่องรอยสิว และช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสได้ ได้แก่ วิตามินซี อาร์บูติน (Arbutin) และกรดโคจิก (Kojic Acid)
- การฉีดฟิลเลอร์
สมัยนี้ ๆ สาวก็อยากได้ความสะดวกในการดูแลผิวหน้าที่ไม่กระทบกับเงินในกระเป๋าตังค์สักเท่าไหร่ใช่ไหมคะ? อีกวิธีการรักษารอยแผลเป็นที่เดอร์มาทิส คลินิก อยากแนะนำ ก็คือ การฉีดฟิลเลอร์นั่นเองค่ะ การฉีดฟิลเลอร์นั้นจะเป็นการเติมบริเวณรอยสิวที่มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลงไป ให้ร่องนั้นตื้นขึ้น และดูเรียบเนียนกลมกลืนไปกับผิวบริเวณใกล้เคียงของเรา
แต่การฉีดฟิลเลอร์นั้นควรทำซ้ำทุก ๆ 1 ปี – 1 ปีครึ่งนะคะ เนื่องจากสารฟิลเลอร์จะถูกผิวดูดซึมจนหมดไปตามกาลเวลานั่นเองค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและใบหน้าของสาว ๆ ด้วยค่ะ
- การทำเลเซอร์
เทคนิคการรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยการทำเลเซอร์นั้นเป็นที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบันนี้ โดยการทำเลเซอร์นั้นเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีรอยแผลเป็นจากสิวแบบตื้น ๆ อย่างแบบ Boxcar Scar และ แบบ Rolling Scar ค่ะ ซึ่งการทำเลเซอร์จะทำให้ผิวชั้นบนหลุดลอกออกจนถึงชั้นบนของเนื้อแผลเป็น ผิวก็จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ตามกระบวนการของร่างกาย และส่งผลให้ผิวหน้าเราเรียบเนียนได้ในที่สุดค่ะ
อย่างไรก็ตาม การทำเลเซอร์นั้นต้องทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้ได้ผลในระยะยาว อีกทั้งยังควรอยู่ภายใต้การดำเนินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยนะคะ เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บของผิวหนังโดยรอบค่ะ
- การฉายแสง M-Light
อีกหนึ่งวิธีการรักษารอยแผลเป็นจากสิวที่เดอร์มาทิส คลินิก อยากจะแนะนำและมีราคาไม่แพงมากนัก คือ การฉายแสง M-Light ค่ะ มักจะใช้กับคนไข้ที่มีปัญหาสิว ริ้วรอย จุดด่างดำบนใบหน้า โดยจะเป็นการฉายแสงลงสู่ผิวเพื่อทำการปรับสมดุลของเคมีในเซลล์ให้เข้าสู่ภาวะปกติ สามารถช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ค่ะ
โดยที่เดอร์มาทิส คลินิกของเรานั้นจะทำการรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยแสง M-Light ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยา ซึ่งจะมีการทานยาฆ่าเชื้อเพื่อลดการอักเสบของสิว และตัวยาอื่น ๆ ตามคำวินิจฉัยของแพทย์ ที่เดอร์มาทิส คลินิกนั้นเราได้ใช้การฉายแสง M-Light 4 สีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาแตกต่างกันออกไป ได้แก่
- แสงสีเหลือง ช่วยรักษารอยดำ กระ ฝ้า เม็ดสีที่เข้มให้จางลงตามธรรมชาติ และยังสามารถกระตุ้นระบบน้ำเหลืองและระบบไหลเวียนโลหิตได้
- แสงสีฟ้า ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวอักเสบ
- แสงสีแดง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอย
- แสงสีเขียว ช่วยลดรอยแดง หรือเส้นเลือดฝอยที่เกาะตัวอยู่ใต้ผิวหนัง
อย่างไรก็ดี วิธีการต่าง ๆ ที่เดอร์มาทิส คลินิกยกมานั้นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทางที่ดีสาว ๆ ควรป้องกันการเกิดรอยสิวเหล่านั้นเบื้องต้นจะดีกว่านะคะ ด้วยการไม่บีบหรือกดสิว ไม่พอกหน้า และไม่เผชิญกับแสงแดดโดยตรงค่ะ เท่านี้ก็จะทำให้ใบหน้าสวย ๆ ของสาว ๆ ไร้รอยสิวแล้วล่ะค่าา
ขอขอบคุณข้อมูล: https://www.pobpad.com/วิธีรักษาและลบรอยสิว